ทำสว่าง

รับทราบ ทราบแล้วเข้าใจในเหตุเกิด แค่รับทราบ
ไม่ให้ใจไหลไปกับสิ่งต่าง ๆ สร้างความรู้สึกไปกับมัน
ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ได้ยินก็รับทราบ ได้เห็นก็รับทราบ ได้กลิ่นก็รับทราบ

เห็นสิ่งที่เราชอบก็เฉย ไม่ชอบก็เฉย ๆ
เห็นพระพุทธเราก็เฉย พระธรรมพระสงฆ์เราเฉย ๆ
สภาวะของขันธ์ห้า เกิดแก่เจ็บตาย เราเฉย
โลกธรรม กฎแห่งกรรม เราก็เฉย
พรหมวิหารเราเฉย บารมีสิบ เราก็เฉย

ทางเดินแห่งมรรคผล ต้องควบคุมจิตให้เย็นสงบ
เป็นหัวใจสำคัญ ถ้าจิตร้อน หนทางมรรคผลย่อมไม่มี
สิ่งร้อน มักเป็นสิ่งเสีย การกระทำเสีย เพราะจิตร้อน
จิตเป็นศูนย์กลาง ถ้าจิตร้อน ทุกสิ่งร้อนหมด เสียหมด

เราได้เห็นเจ้ากิเลสตัณหาอุปาทานแล้ว
ไม่ว่าเจ้าจะหลบซ่อนอยู่ที่ใด เราก็ตามไปรู้ ไปเห็น เจ้าหนีเราไม่ได้
เราเป็นสุขที่ได้เห็น ได้เข้าใจ ในตัวกิเลสตัณหาอุปาทาน
กิเลสเจ้าจะหลบเราไม่ได้อีกแล้ว

จะเอาชนะกันไปถึงไหน ไม่เหนื่อยกันบ้างหรือไร
ทุกข์ใจยังไม่พอหรือ ต้องให้ตายกันไปข้างหนึ่งด้วยหรือ
ไม่เห็นความลำบากในการดำรงชีวิต
แค่ประคองให้อยู่รอด ก็เหนื่อยพอแรงแล้ว
ทำไมต้องแบกกิเลส ให้มันหนักมากขึ้น

ทนกับสิ่งเสียได้หรือไม่ วางใจในสิ่งสุขได้หรือไม่
ถ้าทนได้ เราผ่าน ทนไม่ได้เราสอบตก
ละวางสุขได้ เฉยเฉย ดูมันไปไม่ลิงโลดเราสอบผ่าน
เราต้องอยู่กับความเหงา หว้าเหว่ ความป่วยไข้

กรรม กำหนดเส้นทางให้เราเดิน
อย่าหลงให้กิเลสกำหนดให้เราเดิน
กรรมกำหนดทางเดินก็จริง แต่เราเดินด้วยมรรค
กรรมกำหนดว่า ต้องอยู่ในสภาพนั้น สิ่งแวดล้อมอย่างนั้น
เรายอมรับการกำหนดนั้น จะชอบไม่ชอบ เลือกไม่ได้

หน้า

Subscribe to RSS - ทำสว่าง