๑๐. รู้จักตัวเรา

พอใจในกิเลส สุขใจที่มีกิเลส
พอใจที่จะมีความรัก พอใจที่จะได้แสดงอำนาจ และความโกรธ
ความชอบใจ พอใจในของสวย ของดี น่ารัก
พอใจที่จะไม่ชอบ ในสิ่งไม่ดี ไม่น่ารัก
ตัวเราพอใจในแนวคิดความเป็นอยู่แบบกิเลส
ย้อมจิตตัวเราเองด้วยกิเลส จนตัวเรามีสันดานเป็นกิเลส
ยิ่งนาน ตัวเราก็คือกิเลส กินอยู่เป็นกิเลส
ตัวเราช่างมัวหมอง เป็นทาสรับใช้ของกิเลสมาร
กิเลสผูกมัดติด ตรึงไว้ในวัฏฏะ
นานจนจำไม่ได้ ว่านานเท่าไร ยาวนานมากมาก
จำไม่ได้แม้กระทั่งตัวเราเองเป็นใครมาจากไหน
วันหนึ่งเราโชคดี ได้พบแสงสว่างความจริง
ด้วยบุญบารมีขององค์พระผู้มีพระภาคเจ้า
ชี้ให้เห็นความจริง ให้รู้จักตัวเรา
เห็นตัวเราห่อหุ้มด้วยกิเลสอย่างหนา
ทนทุกข์ทรมานด้วยกิเลส มัดตัวเราแน่น
พระองค์ทรงชี้ให้เห็นเจ้าตัวกิเลสร้าย
ทำร้ายเราจนลืมตัว ว่าเราเองเป็นใคร
พระเมตตาช่วยชี้ทางออก ปลดเปลื้องภัยกิเลส
ปฏิบัติตามคำพระบอก กิเลสร้ายเริ่มอ่อนตัว
พระให้มองดู ทุกสิ่งมีซ่อนขยะ ซ่อนเสื่อม ซ่อนตาย
สิ้นสภาพแตกสลาย ก็คือตาย
แค่เปลี่ยนสภาพ ก็ตายแล้ว สิ่งดีมันตายไป
ทุกสิ่งมีเสื่อม เสื่อมเร็ว หรือเสื่อมช้า
มันบังตาเราอยู่ เรามักเห็นแต่ด้านดีดี
กิเลสสร้างภาพให้เราหลง เห็นแต่สิ่งดี
สิ่งเสียเราไม่เห็น ทำให้เราลุ่มหลงมัวเมา
จนเคยชินเป็นสันดาน สร้างความพอใจหลงใหล
หลงยึดว่ามันต้องดีเสมอ ห้ามเสีย ห้ามชำรุด
ยามของแตกสลาย เหมือนใจสลายไปด้วย
เสียใจผิดหวัง เศร้าใจ สร้างอารมณ์ทุกข์ให้จิต
เหตุเพราะหลงผูกติด เสพสุขจนเคยตัว
เห็นตัวเราเองสับสน วุ่นวายในกองกิเลส
รับสุข รับทุกข์ สลับผสมปนกันมั่ว หาความสงบไม่ได้
เห็นทุกข์ภัยในวัฏฏะแล้ว อยากหนีไปให้พ้น
พระสอนให้มีตาทิพย์ มองให้เห็นความจริง
ทุกสิ่งมันเสื่อมเป็นขยะ ตาย ซ่อนอยู่ในทุกสิ่งที่เห็น
ให้ตามองเห็น จิตรับรู้ ยอมรับความจริง
ทุกสิ่งมีซ่อนเสื่อม ซ่อนขยะ ซ่อนตาย ทุกเรื่องไป
สร้างความเคยชินในการดูบ่อยบ่อย ให้เป็นนิสัย
อย่าห่างว่างเว้นในการดู รู้ให้เข้าใจ
สร้างตาทิพย์ให้แจ่มใส เห็นทุกขั้นตอนที่เป็นไป
ใจลดความผูกติดหลงใหล ผ่อนคลายจากกิเลส
มีตาทิพย์หมายถึง มีดวงตาเห็นธรรม
รู้เห็นเข้าใจในสภาพแห่งธรรม
ได้อารมณ์เข้าใจในธรรม เป็นรู้แจ้งแห่งธรรม