50-11-25

  • ดูธรรมะของหลวงพ่อโต ท่านให้เหมือนกับว่าพวกเราได้กันแล้ว ลองพิจารณาดูเป็นธรรมะที่กว้างขวางและลึกซึ้ง จะเกิดความเบิกบานในจิตได้มาก
  • ถ้าเราปล่อยให้สภาวการณ์ภายนอกมาควบคุมจิต จิตจะมืด แต่ถ้าเราปล่อยวางได้ จิตจะสว่างไสว
  • หมั่นให้มีสติกำกับรู้อยู่เสมอ ตรวจจิตเสมอ เป็นเหตุให้ตัณหาและอุปาทานลดลงได้
  • คัณหาอุปาทานเป็นเหตุใหญ่ ค่อย ๆ ลดมันลงไปด้วยปัญญา
  • ถ้ารู้แล้วยังไล่ตัณหาอุปาทานไม่ได้ แสดงว่ายังรู้ไม่จริง ยังละไม่ขาด อุปาทานมากเกินไป ระวังมันจะหลบหน้า จะชนะมันได้ต้องให้ลดละ ไม่ใช่ให้มันหลบหน้า
  • มรรคมีองค์ ๘ คือ คิดดี พูดดี และทำดี การพูดดีคือการสาธยายธรรมนั่นเอง ตัวอย่างสูงสุดคือพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านทรงมีธรรมะที่หาประมาณมิได้
  • ตัณหาคือความทะยานอยาก คืออยากได้ อยากเป็น และไม่อยากเป็น
  • อุปาทานคือความยึดมั่นถือมั่น ยึดเอาไว้ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราต้องการหรือไม่ต้องการ
  • อารมณ์พระอริยเจ้าประกอบไปด้วยการพอและการยอมรับ คือพอในสิ่งที่ดี และยอมรับในสิ่งที่เลว จิตจะสงบในตัวเอง จะมีธรรมะตัว "สักแต่ว่า" เข้ามาแทรกในจิต
  • อารมณ์ "สักแต่ว่า" จะทำให้เกิดความสงบที่แนบแน่นขึ้น สติมั่นคงขึ้น อุปาทานจะลดลง

พาหิยสูตร

"พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพาหิยะ เพราะเหตุนั้นแล ท่านพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
เมื่อเห็นจักเป็นสักว่าเห็น เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งสักเป็นสักว่ารู้แจ้ง
ดูก่อนพาหิยะ ท่านพึงศึกษาอย่างนี้แล
ดูก่อนพาหิยะ ในการใดแล เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น
เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง
ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มี
ในการใด ท่านไม่มี ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มีในโลกนี้ ย่อมไม่มีในโลกหน้า
ย่อมไม่มีระหว่างโลกทั้งสอง นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์"

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุท่าน เล่ม๑ ภาค๓ หน้า๑๒๗
จาก ลานธรรมเสวนา: พาหิยสูตร

  • ในความตั้งใจที่จะนิพพานในชาตินี้ ให้ทุกคนถือเอาทุกสิ่งที่กระทบมาเป็นธรรมะทั้งหมด ให้ถือเป็นบทเรียนที่จะต้องผ่านให้ได้ทุกบท
    ให้ถือเสียว่า ...
    • บาปคือธรรมะ บุญคือกิเลส
    • ปัญหาคือธรรมะ ไร้ปัญหาคือกิเลส
    • คำด่าคือธรรมะ คำชมคือกิเลส
  • ความดีทำให้หนักแน่น ความชั่วปล่อยให้ลอยไป ดังนั้นถ้าเกิดปัญหา จงปล่อยปัญหาให้เป็นเรื่องเบา ๆ
  • ทำใจให้เบิกบาน ธรรมะจะเดินง่ายกว่าทำใจให้เศร้าหมอง
  • อดทนต่ออารมณ์ที่ได้รับจากการติ-ชมไว้บ่อย ๆ จนถ้าเห็นว่าการติการชมเป็นของที่เกิดขึ้นธรรมดาในโลก ถ้าเห็นแบบจริงจังแนบแน่นก็เป็นพระอนาคามี
  • คำติคือเสียงสวรรค์ที่จะทำให้เราพัฒนาตัวเอง แต่อย่าแก้ไขให้ถูกใจคนติ จงแก้ไขให้ถูกต้องตามธรรม
  • การ "สักแต่ว่า" ไว้เสมอ ๆ จะสร้างให้จิตเป็นอุเบกขา เมื่อสะสมบ่อย ๆ เกิดความต่อเนื่อง จิตจะกลายเป็นมีอุเบกขาแบบถาวร
  • ให้ประสบการณ์ในการกระทบทั้งสิ่งไม่ดีและสิ่งดี มาทำให้เกิดความรู้แจ้งแห่งธรรม
  • ให้หัดช่างคิด ช่างวิเคราะห์ (ธัมมวิจยะ) อย่ากลัวการปรามาสจนเกินเหตุ การกลัวเกินไปทำให้ปัญญาไม่แตกฉาน แต่ให้มีสติกำกับความคิดไว้ด้วย
  • ตีให้แตกในเหตุของปัญหา ให้เห็นเบื้องหลังของปัญหา จะเกิดปัญญาที่ถูกต้องเป็นสัมมาทิฏฐิ คือเกิดความรู้แจ้ง