๔. ตรัสสอนเท่าไรก็ไม่เชื่อ

แม้อย่างนี้ พวกภิกษุนั้นก็ไม่เชื่อถือถ้อยคำ, เมื่อภิกษุผู้เป็นธรรมวาทีรูปใดรูปหนึ่ง
ไม่พอใจให้พระตถาคตเจ้าทรงลำบาก กราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจ้าของแห่งธรรม ทรงรอก่อน.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีความขวนขวายน้อย หมั่นประกอบธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรมอยู่เถิด;
พวกข้าพระองค์จักปรากฏ เพราะการแตกร้าว การทะเลาะ การแก่งแย่ง และการวิวาทนั่นเอง

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเล่าถึงความที่พระเจ้าทีฆีติโกศลราชถูกพระเจ้าพรหมทัต ชิงเอาราชสมบัติ
ปลอมเพศไม่ให้ใครรู้จัก เสด็จอยู่ (ในเมืองพาราณสี) ถูกจับปลงพระชนม์เสีย
และความที่พระเจ้าพรหมทัตและทีฆาวุกุมารเหล่านั้นพร้อมเพรียงกัน
จำเดิมแต่ เมื่อทีฆาวุกุมารยกพระชนม์ของพระองค์ถวายว่า
“ภิกษุทั้งหลาย เรื่องนี้ได้เคยมีแล้ว ในเมืองพาราณสี ได้มีพระเจ้ากรุงกาสี (พระองค์หนึ่ง)
ทรงพระนามว่าพระเจ้าพรหมทัต” ดังนี้เป็นต้น
แม้ตรัสสอนว่า “ภิกษุทั้งหลาย ความอดกลั้นและความสงบเสงี่ยมเห็นปานนั้น๑-
ยังได้มีแล้วแก่พระราชาเหล่านั้น ผู้มีไม้อันถือไว้แล้ว ผู้มีศัสตราอันถือไว้แล้ว;
ข้อที่ท่านทั้งหลายผู้บวชแล้วในธรรมวินัยที่กล่าวชอบแล้วอย่างนี้ ควรเป็นผู้อดกลั้นเป็นผู้สงบเสงี่ยม,
จะพึงงามในธรรมวินัยนี้แล ภิกษุทั้งหลาย”
ดังนี้แล้ว ก็ไม่สามารถจะทำเธอทั้งหลาย ให้พร้อมเพรียงกันได้เลย.
____________________________

๑- ภวิสฺสติ เป็นกิริยาอาขยาต บอกอนาคตกาล แต่ในประโยคนี้มี หิ นาม จึงแปล ภวิสฺสติ เป็นอดีตกาล.