เกร็ดธรรมวันมาฆบูชา

  • ขยะ (มาจากเรื่องแจกันตกแตกวันบวงสรวงวัดศรีชุม) หมั่นพิจารณาทุกสิ่งในโลกว่าสุดท้ายแล้วจะมีสภาพเหมือนขยะ มองให้เห็นเบื้องปลายของสิ่งทั้งปวง (ท่านที่แสดงธรรมเรื่องแจกัน มีความเข้มแข็งในธรรมมาก การแสดงออกจึงเป็นไปตามนิสัยขององค์ท่าน ให้ศิษยานุศิษย์เอาอย่างในเรื่องความเข็มแข็ง)
  • ข้าวปนเม็ดทราย หมั่นพิจารณาทุกสิ่งในโลก ว่ามีสภาพดีปนเสีย เสียปนดี ให้เข้าใจสภาพธรรมของวัฏฏะว่ามีสภาพเป็นเช่นนี้เอง หากยังต้องการเสพข้าว ก็ต้องกล้ำกลืนกินเม็ดทรายเข้าไปด้วย ถ้าเบื่อเม็ดทราย ต้องทำใจให้เบื่อข้าวด้วย หรือเบื่อสภาพธรรมที่ข้าวต้องปนเม็ดทราย (คือให้เบื่อในวัฏฏะนั่นเอง)
  • หมั่นทำใจให้อ่อนน้อม อันประกอบไปด้วยศรัทธาและการยอมรับ ซึ่งเป็นสมบัติของพระอริยะ สภาพของใจจะกว้างขวางอิ่มเอิบ สามารถรองรับธรรมะได้ดี
    ในทางตรงข้าม ถ้าใจแข็งมีทิฎฐิมานะสูง สภาพใจจะแคบ จะรู้สึกว่ากูเจ๋ง กูเก่ง กูแน่ เป็นเหตุแห่งทางเสื่อม ธรรมะจะไม่เจริญงอกงามในสภาพใจแบบนี้
  • ให้ทำเนือง ๆ ในการประกาศพุทธคุณ (พระเกียรติคุณขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค) ต่อหมู่เทวฤทธิ์ ในการที่พวกเราได้น้อมนำเอาธรรมะของพระองค์มาปฏิบัติ แล้วเกิดความสุข ความรื่นเริงใจในธรรม ให้เอาสภาพจิตของเราเป็นพยานมายืนยันต่อหมู่เทวฤทธิ์ - จะก่อให้เกิดความอาจหาญรื่นเริงในธรรม
  • บางทีคนตาบอด อาจเดินถึงที่หมายได้เร็วกว่าคนตาดี เนื่องเพราะมองไม่เห็นข้างทาง ได้แต่เดินไปข้างหน้าถ่ายเดียวเพราะเชื่อฟังครูบาอาจารย์ ส่วนคนตาดีมัวแวะโน่นแวะนี่จึงเนิ่นช้าไปโดยไม่จำเป็น
    ถ้าเป็นคนตาดี ต้องเดินแบบคนตาดี หมั่นอ่อนน้อมถ่อมตน
    ถ้าตาบอด ก็ให้เชื่อฟังครู แล้วเดินไปเรื่อย อย่าหยุด
  • ได้รับพรว่า สุดท้ายแล้วพวกเราจะเดินข้ามเหว (แห่งวัฏฏะ) โดยปลอดภัยทุกคน (ทั้งตาดีและตาบอด)