๖. ข้าวกับเม็ดทราย

วัฏฏะนี้มีสุขมีทุกข์ ผสมปนกันอยู่
ทุกข์มีมากกว่าสุข สบายมีน้อย ลำบากมีมาก
หนีไม่พ้น มีสุข ก็ต้องมีเจอทุกข์ อยู่ร่ำไป
ต้องดิ้นรนไปตามสภาพ สุขและทุกข์
หาความสงบไม่ได้ ต้องทนอยู่ ชอบไม่ชอบ ต้องอยู่
เหมือนในจานข้าว มีเม็ดกรวดเม็ดทรายปนเปื้อน
กินข้าว เจอเม็ดทราย อร่อยไม่มี
กินทุกคำ มีทรายปนทุกคำ หนีไม่พ้น
ข้าวเปล่า ไม่ปนทราย ช่างน่ากิน กินอร่อย
กินข้าว พร้อมเม็ดทราย หมดสนุกแน่
เห็นจิตดิ้นรน หาวิธีกินข้าวอร่อย
เขี่ยเม็ดทรายทิ้ง เหลือเม็ดข้าวไว้
ตัณหาอยาก ตัวกิเลสอยากกินข้าวไร้เม็ดทราย
พอใจในการกิน เหมือนพอใจในวัฏฏะ
รับแต่สุข ทุกข์ไม่เอา เหมือนรักสุขเกลียดทุกข์
คนรู้ความจริง ไม่อยากกินข้าว ไม่อยากมีวัฏฏะ
ในข้าวมีปัญหา วุ่นวายเดือดร้อนสับสน
เคี้ยวข้าวไป เจอเม็ดทราย ทุกคำที่เคี้ยวกลืน
ยามเคี้ยวข้าวไม่เจอเม็ดทราย หลงดี หลงอร่อย
ตัณหาเป็นต้นเหตุ ให้อยากกินข้าว เหมือนอยากมีวัฏฏะ
เพราะหลงอร่อยในเม็ดข้าว หลงสุขสบายในวัฏฏะ
ตัณหาอุปาทาน เจริญดีในวัฏฏะ
ดิ้นรนให้ได้มา ซึ่งความถูกใจ
วัฏฏะแท้จริง ไม่ลงตัว สุขทุกข์ปนกันมั่ว
ดีใจเสียใจ ถูกใจผิดหวัง
เหมือนเม็ดทรายปนในข้าว กินลำบาก
วัฏฏะก็อยู่ด้วยความลำบากเหมือนกัน
ต้องทนอยู่กับสิ่งที่ถูกใจและเสียใจ
บัณฑิตเห็นวัฏฏะนี้ ช่างน่าเบื่อหน่าย
เห็นทุกสิ่งในวัฏฏะ เหมือนเม็ดทรายปนข้าว
ถ้าไม่เห็นทุกข์ภัยในวัฏฏะ ปฏิบัติไป ไร้จุดหมาย
เหมือนพายเรือ ไร้หางเสือ ได้แต่พายไป ไร้ทิศทาง
หมุนวน วนอยู่ที่เก่า ซ้ำซาก ไม่ไปไหน
เมื่อใดเห็นทุกข์ภัยในวัฏฏะ
จงหาทางออกจากวัฏฏะ ด้วยหยุดความพอใจในวัฏฏะ
ได้รู้ได้เห็นภัยในวัฏฏะ ขาดอิสระความสงบ
ปลงแล้ว วัฏฏะ ขอลา พอแล้ว ข้าวปนด้วยเม็ดทราย
ละความพอใจในวัฏฏะ ไม่หลงมัวเมาต่อไปอีก
วางภาวะ วางใจ พอแล้ว พอกันที
เวลาอยู่เหมือนอึดอัด จำใจต้องกลืนเม็ดทราย
ลำบากก็ต้องอยู่ ชีวิตร่างกาย ยังอยู่ในวัฏฏะ
ใจไม่มีวัฏฏะ รอเวลากายสลาย วันจบสิ้นวัฏฏะ
คนอยากอยู่ในวัฏฏะ ต้องเขี่ยเม็ดทรายทิ้ง
สรรหาแต่เม็ดข้าวดี ไม่มีปนเปื้อน
เก็บรักษาสุขไว้ ทุกข์ทิ้งมันไป
สร้างความพอใจในสุข ทุกข์ต้องกำจัด
ต้องเหนื่อยยากในการรักษาสุข
รักษาได้ยาก เพราะสุขมีทุกข์ปนเปื้อนทุกเรื่องไป
เกิดดับสลับไป ไม่มีวันจบ หลงติดในวัฏฏะ
ยอมลำบากมาก เพื่อสุขนิดเดียว
น่าสงสารคนติดในวัฏฏะ
โชคดีมีพระมาช่วย ชี้ให้เห็นความจริง
เลิกโง่ เลิกหลง หยุดตัณหาอุปาทาน
ชำระใจที่หลงผู้พัน ในสุขทุกข์ เหมือนหลงข้าวไม่มีเม็ดทราย
สำนึกเข้าใจ เห็นจริงตามพระบอก
ทางออกวัฏฏะ อยู่ที่ใจตัวเราเอง